พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านปรัชญา
สามเหลี่ยมแห่งการศึกษา
โลกแห่งการศึกษาประกอบด้วย 3 ด้านหลัก ได้แก่ K = ด้านความรู้(Knowledge), L = ด้านผู้เรียน(Learner),
S = ด้านสังคม(Social)
โดยในแต่ละด้านหลักจะประกอบด้วยปรัชญาที่ใช้เป็นหลักยึดในการจัดการศึกษาต่างๆ
ดังนี้
ด้านความรู้(K)
v
ปรัชญาการศึกษาสารัตถนิยม(Essentialism) มีความเชื่อว่า การศึกษาควรมุ่งพัฒนาความรู้ ความสามารถที่มนุษย์มีอยู่แล้ว เช่น ความสามารถในการจำ
ความสามารถในการคิดความสามารถที่จะรู้สึก ฯลฯ การศึกษาควรมุ่งที่จะถ่ายทอดความรู้
ความเชื่อ ความศรัทธาต่างๆ ที่ยึดถือกันเป็นอมตะ อบรมมนุษย์ให้มีความคิดเห็น และความเป็นอยู่สมถะของการเป็นมนุษย์ หลักสูตรจะยึดเนื้อหาวิชาเป็นสำคัญ
เนื้อหาที่เป็นวิชาพื้นฐาน ได้แก่ภาษา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และเนื้อหาที่เกี่ยวกับศิลปะ
ค่านิยมและวัฒนธรรม
v
ปรัชญาการศึกษานิรันดรนิยม(Perenialism) มีความเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของธรรมชาติมนุษย์คือ
ความสามารถในการใช้เหตุผล การศึกษาในแนวปรัชญาการศึกษานิรันดรนิยม คือ
การจัดประสบการณ์ให้ได้มาซึ่งความรู้ ความคิดที่เป็นสัจธรรม มีคุณธรรมและมีเหตุผล หลักสูตรที่เน้นวิชาทางศิลปศาสตร์(Liberal arts)ซึ่งมีอยู่ 2กลุ่มคือกลุ่มศิลปะทางภาษา(Liberacy arts) และกลุ่มศิลปะการคำนวณ (Mathematical
arts) นอกจากนี้ยังให้ผู้เรียนรู้ผลงาน
อันมีค่าของผู้มีอัจฉริยะในอดีตเพื่อคงความรู้เอาไว้ เช่น ผลงานอมตะทางด้านศิลปะ
วรรณกรรม ดนตรี ในปัจจุบันได้แก่หลักสูตรของวิชาพื้นฐานทั่วไป(General education) ในระดับอุดมศึกษา
ด้านผู้เรียน(L)
v ปรัชญาการศึกษาอัตถิภาวะนิยม(Existentialism) มีแนวคิดว่า การศึกษาคือชีวิต มิใช่เป็นการเตรียมตัวเพื่อชีวิต
หมายความว่า
การที่จะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขจะต้องอาศัยการเข้าใจความหมายของประสบการณ์นิยม
ฉะนั้นผู้เรียนจึงควรจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่เหมาะแก่วัยของเขาและสิ่งที่จัดให้ผู้เรียนเรียนควรจะเป็นไปในทางที่ก่อให้เกิดประสบการณ์ที่ผู้เรียนสามารถเข้าใจปัญหาชีวิตและสังคมในปัจจุบัน
และหาทางปรับตัวให้เข้ากับภาวะที่เป็นจริงในปัจจุบัน ปรัชญานี้ต้องการให้ผู้เรียนเรียนจากประสบการณ์ในชีวิตจริง
ที่สัมพันธ์กับสังคม
หลักสูตรจึงครอบคลุมชีวิตประจำวันทุกรูปแบบที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ ซึ่งจะเน้นวิชาที่เสริมสร้างประสบการณ์ทางสังคม
ตลอดจนชีวิตประจำวัน แต่ความสำคัญของการศึกษา พิจารณาในแง่ของวิธีการที่นำมาใช้
คือ กระบวนการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์
เพื่อให้ผู้เรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาในบทเรียน และนำเอากระบวนการแก้ปัญหาไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ด้านสังคม(S)
v ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยม(Reconstructionism) ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยมมีแนวความคิดว่า
ผู้เรียนต้องเรียนเพื่อนำความรู้ไปพัฒนาทั้งตนเองและสังคมให้สังคมเป็นสังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะว่าสังคมขณะนั้นมีปัญหาต่างๆ มากมาย การศึกษาจึงมีบทบาทในการเป็นเครื่องมือสร้างสังคมและวัฒนธรรมที่ดีงามขึ้นมาใหม่
เป็นสังคมในอุดมคติ เนื้อหาวิชาที่นำมาบรรจุไว้ในหลักสูตร
จะเกี่ยวกับปัญหาและสภาพของสังคมเป็นส่วนใหญ่จะเน้นวิชาสังคมศึกษาเช่น
กระบวนการทางสังคมการดำรงชีวิตในสังคม สภาพเศรษฐกิจและการเมือง สิ่งเหล่านี้จะทำให้มีความเข้าใจในกลไกของสังคม
และสามารถหาแนวทางในการสร้างสังคมขึ้นมาใหม่
พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านจิตวิทยา
ความรู้พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านจิตวิทยานั้น
เป็นข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญ และจำเป็นที่ต้องได้รับการวิเคราะห์ และนำไปใช้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในแง่ของผู้เรียน(Learner) ซึ่งจะทำให้รู้ว่า เด็กแต่ละวัยมีพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม
และสติปัญญาเป็นไปในทิศทางใด สิ่งที่มีอิทธิผลต่อการเรียนรู้ ความสนใจในการเรียนรู้เป็นอย่างไรผู้สอนควรจัดการเรียนการสอนอย่างไรให้มีความเหมาะสม ถือได้ว่า ในการพัฒนาหลักสูตร ความรู้ด้านจิตวิทยานั้นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ สำหรับทฤษฎีการเรียนรู้จิตวิทยานั้นแบ่งออกเป็น4กลุ่ม คือ
v
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behaviorism Theories)
v ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มปัญญานิยม (Cognitive Theories)
v ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม (Humanism Theory)
v
ทฤษฎีการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Constructivism Theory)
พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านสังคม
การจัดทำหลักสูตรนั้น สิ่งที่จำเป็นต้องมีอีกอย่างคือ การวิเคราะห์สภาพสังคม
สิ่งแวดล้อมสถานศึกษาหรือในสถานที่ ที่จะนำหลักสูตรไปใช้ เพราะสังคมจะเป็นปัจจัยสำคัญในการหล่อหลอมพฤติกรรม ความคิด ทัศนคติ และบุคลิกภาพของผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นสภาพโดยทั่วไปของโรงเรียนว่าตั้งอยู่ใกล้สถานที่ใด
เหมาะสมหรือไม่ เช่น โรงเรียนมีพื้นที่ติดกับตลาด อาชีพของผู้ปกครองคือค้าขาย
ดังนั้นจะสามารถมองภาพได้ชัดเจนว่า เมื่อนักเรียนจบไป
ประกอบอาชีพอาจจะอยู่แต่ในตลาด ทำให้โรงเรียนจัดทำหลักสูตรให้สอดคล้องกันได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ การศึกษาสภาพสังคมจะทำให้จัดการเรียนการสอนได้ง่ายขึ้นและสามารถปรับทัศนคติของนักเรียนได้เพราะนักเรียนจะรู้สึกว่าได้นำความรู้ที่เรียนไปปรับใช้ได้มากกว่าการเรียนการสอนที่ไม่คำนึงถึงสภาพสังคม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น